Cover img : ©Tite Kubo / SHUEISHA Inc.・TV TOKYO Corporation・denstu・ぴえろ
หน่วยที่ 11 หรือ หน่วยคุ้มกันภายใน มีตราประจำหน่วยคือ โนโคงิริโซ มีความหมายว่า การต่อสู้ ในเรื่องบลีชเทพมรณะนั้นมีตัวละครที่มีสำคัญอยู่มากมายแต่ในวันนี้เราจะพามารู้จักกับ หน่วยที่ 11 จากทั้ง 13 หน่วยพิทักษ์ในภาคแรกว่าหน่วยที่ 11 นั้นมีใครบ้างแล้วแต่ละคนจะมีความเก่ง ขนาดไหน พวกเรา ibaamang จะได้พาทุกคนไปทำความรู้จักกับหน่วยที่ 11 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์ ในเรื่อง บลีชเทพมรณะกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย
สารบัญ
หัวหน้าหน่วยที่ 11 : ซาราคิ เคมปาจิ
ประวัติของ ซาราคิ เคมปาจิ
ซาราคิ เคมปาจิ หัวหน้าหน่วยที่ 11 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์ ลักษณะภายนอกเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ มีร่างกายที่กำยำแข็งแรง และใส่ผ้าปิดตาที่ตาขวา และในช่วงแรก เคมปาจิ มีผมทรงหนามและมีกระดิ่งติด อยู่ที่ปลายผม ในอดีต เคมปาจิ นั้นไม่มีชื่อและได้ถูกตั้งชื่อโดย อุโนะฮานะ เร็ตสึ ที่มองเห็นถึงพรสวรรค์ ในการต่อสู้ เคมปาจิ แล้วคิดว่าสมควรแก่การสืบทอดฉายา เคมปาจิ ในรุ่นถัดไปแทนตน ในช่วงแรกๆนั้น เคมปาจิ เป็นหัวหน้าหน่วยเพียงคนเดียวที่ไม่สามารถปลดปล่อยดาบในขั้นต้น (ชิไค) และในขั้นสวัสดิกะ (บังไค) ได้ เนื่องจาก เคมปาจิ นั้นไม่รู้ถึงชื่อดาบฟันวิญญาณของตน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถปลดปล่อย ดาบได้ความแข็งแกร่งของ เคมปาจิ นั้นถือว่าเป็นอันดับต้นๆของหัวหน้าหน่วยใน 13 หน่วยพิทักษ์ เป็นคนที่บ้าพลังและรักในการต่อสู้ และไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนชอบต่อสู้กับคนเก่งๆเพื่อที่จะให้ตัวเอง เก่งขึ้นอยู่ตลอด
เคมปาจิ นั้นเป็นคนที่รักในการต่อสู้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการต่อสู้ เป็นอย่างมาก เคมปาจิ นั้นสังหารคนมาอย่างนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่มีใครที่สามารถเรียกว่าศัตรูได้เลย จนได้มาพบกับ อุโนะฮานะ เร็ตสึ เมื่อทั้งสองได้ต่อสู้กันทำให้ทั้งคู่นั้นได้สนุกกับการต่อสู้ แต่สำหรับ เคมปาจิ นั้น อุโนะฮานะ คือคนแรกที่พอจะเรียกว่าศัตรูได้แต่เมื่อได้ต่อสู้กัน อุโนะฮานะ ได้บอกว่า “เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าแพ้ให้กับข้าเจ้าก็จะเสียโอกาสที่จะสนุกกับการต่อสู้อีก เพื่อปรับให้เข้ากับ ความอ่อนแอ ของข้า เจ้าค่อยๆหมดสติลงสู่ความมืดมิด ยับยั้งและผนึกพลังของตัวเจ้าเอง ข้าสิ้นหวังเจ้าผนึกพลังของ ตนเพราะความไร้ค่าของข้า แต่พอข้ารู้ตัวอีกทีทุกๆครั้งที่เจ้าได้ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งจนปางตายเจ้าก็ ค่อยๆพังทลายการผูกมัดและค่อยๆกลับไปเป็นตัวเจ้าในอดีต” และสุดท้าย เคมปาจิ ก็ได้ปลดปล่อยตัวเอง จากความมืดมิดโดยการฆ่า อุโนะฮานะ และได้รับพลังที่เต็มที่ของตัวเองกลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้น เคมปาจิ ก็ได้ยินชื่อดาบฟันวิญญาณของตัวเองเป็นครั้งแรก
ซาราคิ เคมปาจิ นั้นปรากฏตัวครั้งแรกในมังงะเล่มที่ 8 ตอนที่ 65 พร้อมกับ อิจิมารุ งิน หัวหน้าหน่วยที่ 3 โดยทั้งคู่นั้นได้มาพูดคุยกับ เบียคุยะ ในเรื่องที่ ลูเคีย จะโดนประหารและมีการพูดจา ยั่วโมโหกันจนเกือบได้ต่อสู้กันระหว่าง เบียคุยะ กับ เคมปาจิ แต่ อิจิมารุ งิน ก็ทำการลากตัว เคมปาจิ กลับไปก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายโดย เคมปาจิ และ เบียคุยะ นั้นถือเป็นคู่กัดกันทุกครั้งที่ได้เจอกัน มักจะมีปากเสียงกันอยู่เสมอ อย่างตอนที่สู้กับ เอสปาด้าหมายเลข 0 ทั้งคู่แทบไม่สนใจ ยามี่ แต่มัว ทะเลาะกันจนเกือบได้ต่อสู้กันเอง
ซาราคิ เคมปาจิ นั้นมีดาบฟันวิญญาณที่ชื่อว่า “โนซาราชิ” มีคำปลดปล่อยในขั้นต้น (ชิไค) ว่า “จงกลืนกิน โนซาราชิ” เมื่อปลดปล่อยดาบจะกลายเป็นขวานขนาดใหญ่ที่สามารถตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ได้แม้แต่อุกกาบาตขนาดยักษ์ที่กำลังตกลงมาที่โซลโซไซตี้จนแหลกเป็นผุยผง เคมปาจิ นั้นได้ปลดปล่อย ดาบครั้งแรก ในมังงะตอนที่ 577 ในตอนที่สู้กับ เกรมมี่ โทเมอักซ์ สเทิร์น ริตเตอร์ อักษร V “The Visionary (ผู้สลักฝัน) ส่วนคำปลดปล่อยในขั้นสวัสดิกะ (บังไค) นั้นยังไม่มีคำปลดปล่อยที่แน่ชัดปรากฏให้เห็น แต่ได้ปลดปล่อยบังไคครั้งแรก ในมังงะตอนที่ 669 ตอนที่สู้กับ เจราร์ด วาลคิลรี่ สเทิร์น ริตเตอร์ อักษร M The Miracle ( บุรุษแห่งปาฏิหาริย์)
ท่าต่อสู้ของ ซาราคิ เคมปาจิ
วิชาดาบ | ฟาดฟันดาบใส่ศัตรูด้วยพลังแรงดันวิญญาณที่มหาศาล |
---|---|
จงกลืนกิน โนซาราชิ | เป็นการปลดปล่อยดาบขั้นต้น (ชิไค) โดยดาบจะตัวดาบจะกลายเป็นเหมือน มีดขนาดใหญ่สามารถฟาดฟันได้ทุกสิ่งทุกอย่าง |
Profileของ ซาราคิ เคมปาจิ
วันเกิด | 19 พฤศจิกายน |
---|---|
อายุ | 1000 ปีขึ้นไป |
ความสูง | 202 Cm |
น้ำหนัก | 90 Kg |
สีผม | สีดำ |
สีตา | สีเขียว |
หมู่เลือด | ไม่ปรากฏ |
รองหัวหน้าหน่วยที่ 11 : คุซาจิชิ ยาจิรุ
ประวัติของ คุซาจิชิ ยาจิรุ
คุซาจิชิ ยาจิรุ รองหัวหน้าหน่วยที่ 11 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์ ลักษณะภายนอกของ ยาจิรุ นั้นเป็น เด็กผู้หญิงน่าตาน่ารัก มีผมสีชมพู ดวงตาสีชมพูเข้ม และมีแก้มแดง ชื่อของเธอนั้นหัวหน้าหน่วยอย่าง เคมปาจิ เป็นคนตั้งให้เธอ เธอมีนิสัยเหมือนเด็กที่มีความซนแต่ไม่มีใครกล้าดุด่าหรือว่าเธอแม้แต่หัวหน้า ใหญ่อย่าง ยามาโมโตะ ก็ตาม เธอยังชอบขี่หลังของ เคมปาจิ มีความสนิทสนมกับ เคมปาจิ เป็นอย่างมาก และเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของ เคมปาจิ ได้ดีที่สุด และชอบล้อ อิกคาคุ ว่าหัวล้าน และกิจกรรมยามว่าง สุดโปรดของ ยาจิรุ คือการรับประทานขนมหวาน แม้ว่าเธอจะสามารถกินได้แทบทุกอย่างก็ตาม
คุซาจิชิ ยาจิรุ นั้นปรากฏตัวครั้งแรกในมังงะเล่มที่ 10 ตอนที่ 83 ในตอนที่มีการประกาศแจ้งเตือน ฉุกเฉินขณะที่ประชุมหัวหน้าหน่วยอยู่นั้น เคมปาจิ ได้วิ่งออกไปคนแรกเพื่อที่จะไปหาศัตรูก่อนใครๆ ยาจิรุ นั้นก็ได้กระโดดหมุนตัวลงมาขี่หลังและไปพร้อมๆกับ เคมปาจิ เพื่อวิ่งไปจัดการกับพวกเรียวกะที่มาบุกรุก โซลโซไซตี้ ยาจิรุ นั้นเกิดที่ คุซาจิชิ เขต 79 ของเมืองลูคอนเหนือ ที่ๆเธออยู่นั้นมีแต่การฆ่าฟันกัน และเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นเมื่อ เคมปาจิ ได้มาถึง ซาราคิ เขต 80 ของเมืองลูคอนเหนือ เธอจึงได้เจอกับ ซาราคิ เคมปาจิ ที่เป็นคนช่วยเธอไว้และได้รับการตั้งชื่อว่า ยาจิรุ นั้นเอง
คุซาจิชิ ยาจิรุ นั้นมีดาบฟันวิญญาณชื่อว่า “ซันโปเคนจู” คำปลดปล่อยในขั้นต้น (ชิไค) นั้นยังไม่ได้ปรากฏ แต่ได้ปลดปล่อยดาบครั้งแรกในมังงะ ตอนที่ 571 โดย ยาจิรุ นั้นได้บอกว่า “ดาบของข้านะจะโดนเป้าหมายแม้ว่าเป้าหมายจะหลบ มันเป็นดาบจอมเลียนแบบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดาบของข้าทุกๆการเคลื่อนไหวของข้าถูกสะกดรอยและเลียนแบบ เพราะงั้นพื้นที่ทั้งหมดภายในทิวทัศน์ ของข้าแม้ว่าข้าจะพลาดก็จะมีใครโจมตีให้อยู่ดี”โดยเมื่อปลดปล่อยดาบแล้วจะปรากฏอสูร 2 ตนต่อสู้เคียง ข้างกับผู้ใช้ อสูรตนแรกรูปร่างเหมือนฮอลโล่ ลำตัวเป็นโครงกระดูก สวมเสื้อคลุมสีดำและมีดาบเป็นอาวุธ ส่วนอสูรอีกตนมีขนาดเล็กกว่าคล้ายๆเป็นสัตว์ขนฟูปุกปุย ใช้ดาบเป็นอาวุธเช่นกัน มีความน่ารักและขี้เล่น เหมือนกับเจ้าของดาบฟันวิญญาณ ส่วนคำปลดปล่อยในขั้นสวัสดิกะ (บังไค) นั้นยังไม่ปรากฏให้เห็นใน เนื้อเรื่อง
ต่อมาในภาคสงครามเลือดพันปี คุซาจิชิ ยาจิรุ ก็ได้ถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาโดย ยาจิรุ นั้นคือดาบฟันวิญญาณของ เคมปาจิ และมีชื่อว่า โนซาราชิ เมื่อ เคมปาจิ ได้ปลดปล่อยดาบของตน ในตอนที่สู้กับ เกรมมี่ โทเมอักซ์ สเทิร์น ริตเตอร์ อักษร V “The Visionary (ผู้สลักฝัน) ยาจิรุ ก็ได้หายไป ทำให้ ยาจิรุ นั้นได้ยุติบทบาทในฐานะยมทูตและรองหัวหน้าหน่วยที่ 11 นั้นเอง
ท่าต่อสู้ของ คุซาจิชิ ยาจิรุ
ก้าวพริบตา | เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด จนยากที่ศัตรูจะมองเห็น |
---|
Profileของ คุซาจิชิ ยาจิรุ
วันเกิด | 12 กุมภาพันธ์ |
---|---|
อายุ | ไม่ปรากฏ |
ความสูง | 109 Cm |
น้ำหนัก | 15.5 Kg |
สีผม | สีชมพู |
สีตา | สีชมพูเข้ม |
หมู่เลือด | ไม่ปรากฏ |
นักสู้ลำดับ 3 แห่งหน่วยที่ 11 : มาดาราเมะ อิกคาคุ
ประวัติของ มาดาราเมะ อิกคาคุ
มาดาราเมะ อิกคาคุ นักสู้ลำดับ 3 แห่งหน่วยที่ 11 ลักษณะภายนอกของ มาดาราเมะ อิกคาคุ เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หัวโล้น ดวงตาของเขาทั้ง 2 ข้างมีสีแดงเล็กๆอยู่บนดวงตา อิกคาคุ นั้นเป็นคนที่ ยิ้มอยู่ตลอดเวลา เป็นคนรักในการต่อสู้ ถือเป็นคนหัวรุนแรงและหยาบคาย คิดว่าการต่อสู้คือเรื่องสนุก ทุกครั้งที่ได้ต่อสู้จะรู้สึกดีใจและยิ้มอยู่ตลอดไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งขนาดไหน อิกคาคุ นั้นเป็นเพื่อนสนิทกับ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ และมีความเคารพต่อหัวหน้า เคมปาจิ เป็นอย่างมาก แต่มักจะถูกรองหัวหน้าอย่าง คุซาจิชิ ยาจิรุ ล้อว่าหัวล้านแล้วยังโดนอมหัวโล้นๆของตนอีกด้วย
มาดาราเมะ อิกคาคุ ปรากฏตัวครั้งแรกในมังงะเล่มที่ 10 ตอนที่ 85 พร้อมๆกับ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ นักสู้ลำดับ 5 และได้เข้าต่อสู้กับ อิจิโกะ และได้พ่ายแพ้ต่อ อิจิโกะ จนมีบาดแผลเป็นที่กลางลำตัว อิกคาคุ นั้นเป็นคนที่เคารพในตัวหัวหน้าของเขาอย่าง ซาราคิ เคมปาจิ เป็นอย่างมาก ในอดีต อิกคาคุ ได้ต่อ สู้กับ เคมปาจิ แล้วพ่ายแพ้แต่ เคมปาจิ กลับไม่ฆ่า อิกคาคุ แม้ อิกคาคุ จะเรียกร้องขอให้ฆ่าตนเองแล้วก็ตาม เคมปาจิ นั้นได้บอกว่า “ถ้าชอบการต่อสู้มากจะมาโวยวายให้ข้าฆ่าทำไม อย่ายอมรับความพ่ายแพ้เรียกร้อง ความตาย รอให้ตายก่อนแล้วค่อยยอมรับความพ่ายแพ้ ถ้าแพ้แล้วยังไม่ตายก็นับว่าโชคดี” ทำให้ อิกคาคุ นั้นยอมรับและเคารพในตัว เคมปาจิ เป็นอย่างมาก และแม้ฝีมือของ อิกคาคุ นั้นสามารถที่จะเป็นหัวหน้า หน่วย แทนพวกของ ไอเซ็น ที่ทรยศไปได้ แต่ อิกคาคุ ก็ยืนยันที่จะไม่รับตำแหน่ง และได้บอกว่า “ความมุ่งมั่นของข้าก็มีแค่อย่างเดียวคือการได้ต่อสู้และตายใต้บังคับบัญชาของท่านผู้นั้น”
มาดาราเมะ อิกคาคุ นั้นมีดาบฟันวิญญาญที่มีชื่อว่า “โฮซึคิมารุ” มีคำปลดปล่อยในขั้นต้น (ชิไค) ว่า
“จงยืดออก โฮซึคิมารุ (โคมอสูร)”เมื่อปลดปล่อยดาบจะแปรสภาพจากดาบยาวกลายเป็นหอกที่มีความยาว ขึ้นและสามารถแยกออกได้เป็น 3 ท่อน และมีคำปลดปล่อยในขั้นสวัสดิกะ (บังไค) ว่า “ริวมอนโฮ โฮซึคิมารุ (โคมอสูรลายมังกร)” ปลดปล่อยครั้งแรกในมังงะตอนที่ 204 เมื่อปลดปล่อย ตัวดาบจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 จะเป็นดาบขนาดใหญ่อยู่ที่มือฝั่งซ้าย ส่วนที่ 2 จะเป็นดาบที่มีคมดาบคล้ายขวานขนาดใหญ่อยู่ที่ มือขวา และส่วนที่ 3 จะเป็นดาบใหญ่ที่มีความโค้งและมีลายมังกรโดยดาบทั้ง 3 จะถูกเชื่อมกันไว้ด้วยโซ่ ขนาดใหญ่ อิกคาคุ ได้บอกว่า “โฮซึคิมารุ นะเฉื่อยแฉะไม่เหมือนกับข้าถึงจะปลดปล่อยสวัสดิกะแต่ก็ยังครึ่ง หลับครึ่งตื่น เพราะงั้นถึงต้องฟันศัตรูและปล่อยให้ศัตรูฟัน ไม่เขย่าปลุกมันซะบ้างก็ไม่ยอมปล่อยพลังไงละ และเมื่อมันเริ่มลืมตาลายมังกรก็จะย้อมเป็นสีแดง เมื่อมังกรเป็นสีแดงทั้งตัวเมื่อไหร่ก็จะสามารถปล่อย พลังให้ถึงขีดสุด” ได้นั้นเอง
ท่าต่อสู้ของ มาดาราเมะ อิกคาคุ
บังไค “ริวมอนโฮ โฮซึคิมารุ (โคมอสูรลายมังกร)” : เป็นการปลดปล่อยดาบขั้นบังไคดาบจะแยกออกเป็นดาบขนาดใหญ่ 3 ส่วนสามารถใช้ควงฟันศัตรูจนแหลกเป็นผุยผง |
---|
Profileของ มาดาราเมะ อิกคาคุ
วันเกิด | 9 พฤศจิกายน |
---|---|
อายุ | ไม่ปรากฏ |
ความสูง | 182 Cm |
น้ำหนัก | 76 Kg |
สีผม | ไม่มีผม (หัวโล้น) |
สีตา | สีน้ำตาล |
หมู่เลือด | ไม่ปรากฏ |
นักสู้ลำดับ 5 แห่งหน่วยที่ 11 : อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ
ประวัติ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะของ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ
อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ นักสู้ลำดับ 5 แห่งหน่วยที่ 11 ลักษณะภายนอกของ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ นั้นเป็นผู้ชายมีผมบ๊อบสีม่วงและมีเอกลักษณ์ที่ตรงขนคิ้วจะมีจะงอยขนสีแดงที่คิ้วและมีสีเหลืองที่ขนตา ยูมิจิกะ นั้นเป็นเพื่อนสนิทของ อิกคาคุ และเป็นคนที่รักสวยรักงามมีความหลงตัวเองและถือคติว่า ไม่มองของอุบาทว์ลูกตาเด็ดขาด และมีคำพูดติดปากว่า หน้าเกลียด ทุเรศ อุบาทว์ อัปลักษณ์
อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ ปรากฏตัวครั้งแรกในมังงะเล่มที่ 10 ตอนที่ 85 พร้อมๆกับ มาดาราเมะ อิกคาคุ นักสู้ลำดับ 3 และได้เข้าต่อสู้กับ ชิบะ กันจู และได้พลาดท่าโดนระเบิดจนหัวฟู ยูมิจิกะ นั้นเป็น นักสู้ลำดับที่ 5 ของหน่วยที่ 11 จากความต้องการของเขาเอง ครั้งนึงตอนที่ได้สู้กับ ฮิซากิ ชูเฮย์ ยูมิจิกะ ได้กล่าวว่า “จะบอกความลับอะไรให้อย่างนะ ที่ข้าอยู่ลำดับที่ 5 นะ เพราะว่าเลข 4 มันไม่สวยหรอก จริงๆแล้วข้าว่าเลข 3 มันสวยที่สุด แต่เลข 3 นะเป็นของ อิกคาคุ ไปแล้ว ก็เลยขอใช้เลข 5 ที่มันคล้ายเลข 3 ที่สุดแทนก็แล้วกัน”
อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ นั้นมีดาบฟันวิญญาณที่ชื่อว่า “ฟูจิ คุจาคุ” (นกยูงบุปผาม่วง) มีคำปลดปล่อย ในขั้นต้น(ชิไค) ว่า จงเบ่งบาน “ฟูจิ คุจาคุ” เมื่อปลดปล่อยจะเพิ่มคมดาบเพิ่มเป็น 4 ใบมีดที่มีความโค้งงอ สภาพคล้ายๆเคียวเกี่ยวข้าว แต่ต่อมาภายหลัง ยูมิจิกะ ได้บอกว่า ชื่อที่แท้จริงของดาบฟันวิญญาณของตน มีชื่อว่า “รูริอิโระ คุจากุ” มีคำปลดปล่อยในขั้นต้น (ชิไค) ว่า “จงฉีกกระชากคลุ้มคลั่ง รูริอิโระ คุจากุ” (นกยูงสีไพฑูรย์) และได้พูดถึงดาบของตนว่า เจ้าดาบนี้นะเป็นดาบที่แปลกมีการชื่นชอบสีเฉพาะอย่าง “สีไพฑูรย์” (รูริอิโระ) และสี บุปผาม่วง(ดอกฟูจิ) คือสีที่มันเกลียด โดยชื่อ ฟูจิคุจากุ (นกยูงบุปผาม่วง) คือสีที่ ยูมิจิกะ ตั้งชื่อให้มันเองโดยพลการและเจ้าดาบนี้ก็ไม่ชอบชื่อนี้พอโดนเรียกชื่อนี้มันก็จะงอนยอมปลดปล่อย ดาบออกมาแค่เพียงครึ่งเดียว
เหตุผลที่ ยูมิจิกะ นั้นต้องตั้งชื่อดาบของตัวเองเป็น 2 ชื่อ ยูมิจิกะ ได้บอกไว้ว่า “ หน่วย 11 ที่ข้าอยู่เป็นหน่วยรบที่เข้มแข็งที่สุดใน 13 หน่วยพิทักษ์ มีแต่พวกมุทะลุที่เดิมพันชีวิตกับการวิวาท และผลจากความตั้งใจแบบนั้นก็เป็นที่เข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องบอกว่าพลังของดาบฟันวิญญาณจะต้องเป็นสายโจมตีโดยตรงเท่านั้น แค่มีดาบฟันวิญญาณสายวิถีมารก็ถูกมองแล้วว่าเป็นพวกขี้ขลาด ตาขาวข้าจึง ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นพลังของเจ้านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ อิกคาคุ หรือหัวหน้าเคมปาจิ”
ท่าต่อสู้ของ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ
จงฉีกกระชากคลุ้มคลั่ง รูริอิโระ คุจากุ (นกยูงสีไพฑูรย์) | เมื่อปลดปล่อยดาบจะปล่อยเถาวัลย์คล้ายขนนกยูงเรืองแสงจำนวนไม้นับไม่ถ้วนไปจับตรึงศัตรูไว้ โดยดอกไม้เหล่านี้จะสูบเอาพลังกดดันวิญญาณของศัตรูมาเพื่อใช้เติบโต ยูมิจิกะ ได้บอกไว้ว่า “จากนี้ไปพลังกดดันวิญญาณทั้งหมดที่เจ้าปล่อยออกมาจะเป็นของพวกมัน พริบตาที่ดอกไม้ เหล่านี้เบ่งบานก็คือวาระสุดท้ายของเจ้า” |
---|
Profileของ อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ
วันเกิด | 19 กันยายน |
---|---|
อายุ | ไม่ปรากฏ |
ความสูง | 169 Cm |
น้ำหนัก | 56 Kg |
สีผม | สีม่วง |
สีตา | สีเหลือง |
หมู่เลือด | ไม่ปรากฏ |